ทดสอบเกม The Witcher: Old World… แต่ไม่ได้เล่น !!

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 มีนา (2023) ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้เดินทางไปทดสอบเกม The Witcher: Old World ที่ร้าน Clazy Cafe ตรง BTS สนามเป้ามาครับ ซึ่งเป็นอีเวนท์ที่ทาง Board Game Station ได้จับมือกับทางค่าย Mr.Dexker จัดงานขึ้นมา… แต่ว่าผมไม่ได้เล่นนน !!

ขอเล่าอย่างงี้ครับ คือในวันนั้นผมไปถึงที่งานประมาณบ่าย 4 ได้ ซึ่งก็มีกลุ่มที่นั่งเล่นอยู่แล้วตั้งแต่บ่ายโมง (3 ชั่วโมงคุณพระ) ผมก็เลยลังเลว่าจะเล่นดีไหมดูน่าจะยาว เพราะเดี้ยวตอน 6 โมงเย็นผมกะว่าจะไปที่อื่นต่อด้วย ประจวบว่ามีกลุ่มพี่ ๆ กลุ่มหนึ่งเขามาเทสเกมในเวลาเดียวกันกับผมเลย แล้วพวกพี่ ๆ เขามีกัน 5 คนพอดี (เกมมันเล่นได้ 5 คน)

ผมเลยขอแค่นั่งฟังกฎ ดูบรรยากาศการเล่น และขอนั่งถ่ายรูปเก็บมาด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณตูน จากเพจบอร์ดเกมสนุกมาสอนเกมและรันเกมให้ด้วย (ไม่ได้ทักนะครับ เขิน >//<)

เพราะฉะนั้นจะบอกเพื่อน ๆ ทุกคนที่เข้ามาอ่านก่อนว่า รีวิวในครั้งนี้ ตัวผมไม่ได้เล่นแต่อย่างใดครับ แต่ได้นั่งฟังกฎ ดูบรรยากาศกลุ่มพี่ ๆ ที่ค่อนข้างสนิทกันเล่นอยู่ช่วงหนึ่ง บวกกับลองดูการเล่นพร้อมจินตนาการไปด้วยว่าเป็นเราจะเล่นยังไงลงไปด้วยครับ

ซึ่งตัวเกมจะเป็นยังไง สนุกไหม มาอ่านต่อในหัวข้อต่อ ๆ ไปได้เลยครับ

เกี่ยวกับตัวเกม

ก่อนจะไปพูดเกี่ยวกับตัวเกม ที่ผมไปลองสัมผัสมา เรามาดูกันก่อนครับว่าเกมนี้มันมีที่มาที่ไปอย่างไร แล้วทำไมมันถึงน่าสนใจขนาดนี้ ?

The Witcher เป็นทั้งนิยายขายดี เกมดิจิทัลชื่อดัง ซีรีส์สุดเจ๋ง และมีการทำทั้งบอร์ดเกมและการ์ดเกมมาแล้วหลายครั้ง แต่ Old World น่าจะเรียกได้ว่าใกล้เคียงกับสิ่งที่คอบอร์ดเกมรวมถึงคนที่ชอบตัวซีรีส์ในเวอร์เกมดิจิทัลสามารถเข้าถึงและสนุกกับมันได้มากที่สุดครับ

The Witcher: Old World เป็นเกมที่พัฒนาขึ้นโดยค่าย Go On Board ซึ่งมีผลงานที่เราน่าจะผ่านตามาบ้างอย่าง Valhalla และ Titans โดยทั้ง 3 เกมนี้เป็นผลงานของนักออกแบบคนเดียวกันครับนั่นก็คือ Łukasz Woźniak ส่วนผลงานอาร์ตในเกมทั้งหมดจะรังสรรค์โดย Damien Mammoliti ซึ่งมีผลงานอาร์ตในเกมดัง ๆ มาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะ Brass, Radlands, Foundations of Rome, My Father’s Work, Roll Player Adventures, The Witcher Adventure Game, และอีกหลายเกม

อย่างไรก็ตาม ความน่าสนใจจริง ๆ ของเกมนี้ถ้าพูดให้ได้เต็มปาก มันมีอยู่ถึง 5 ส่วนด้วยกันครับ !?

  1. เป็น IP เกมชื่อดัง
  2. เล่น Solo ได้ และไม่ใช่เกม Co-op
  3. มิเนเจอร์และอาร์ตโดดเด่น
  4. มีเนื้อเรื่องที่อ้างอิงกับในซีรีส์จริง ๆ
  5. มัน “แปลไทย” โดยค่าย Mr.Dexker !!!

กฎการเล่นคร่าว ๆ

ในเกมเราจะได้รับบทเป็น Witcher จากสำนักต่าง ๆ ที่ต้องแข่งขันกันในการสร้างชื่อเสียง ใครมีชื่อเสียงถึงที่กำหนดก่อนจะเป็นผู้ชนะในเกมนั้น ๆ

ตัวเกมจะให้เราสลับกันเล่นระหว่างผู้เล่นคนอื่น ๆ ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีใครทำแต้มชื่อเสียงไปถึงเป้าหมายได้สำเร็จ โดยใน 1 รอบการเล่นของเรา จะประกอบไปด้วย 3 เฟส

  • เฟส 1 – ทิ้งการ์ดจากบนมือ เพื่อเดินไปยังตำแหน่งต่าง ๆ ของพื้นที่ที่อยู่ติดกับเรา โดยตำแหน่งนั้นจะต้องมีสัญลักษณ์บนการ์ดตรงกับที่เราทิ้ง จากนั้นเราสามารถเลือกได้ว่าจะทำ Action ของสถานที่นั้น ๆ ไหม จะเดินต่อ หรือจะหยุด โดยเราสามารถเดินและทำ Action ได้ทั้งหมด 3 ครั้งใน 1 รอบ
    .
  • เฟส 2 – จะเป็นเฟสต่อสู้กับมอนสเตอร์ หรือท้าประลองกับผู้เล่นคนอื่น ๆ โดยมีเงื่อนไขว่าเราต้องอยู่ในพื้นที่เดียวกับผู้เล่นหรือมอนสเตอร์ตัวนั้น ๆ
    .
  • เฟส 2.5 – ไม่แน่ใจกว่าก่อน 2 หรือหลัง 2 เราจะต้องเปิดการ์ดอีเวนท์ ซึ่งจะมีเรื่องราวยาว ๆ และตัวเลือกให้เราได้อ่านและได้เลือก ซึ่งก็จะมีทั้งโบนัสและอะไรหลาย ๆ อย่าง ให้ตามมา
    .
  • เฟส 3 – เป็นการซื้อการ์ดเข้ากองการ์ดเราเพิ่มครับ โดยเราต้องจ่ายด้วยมูลค่าการ์ดบนมือเรา ไม่ใช่ด้วยเงินเน่อ

เล่นครบ 3 เฟส ก็สลับให้ผู้เล่นคนข้าง ๆ ได้เล่นต่อ แค่นี้เลยครับ โดยแต้มชื่อเสียงจะมีวิธีได้มาทั้งหมด 3 วิธีด้วยกัน

  1. ตบเพื่อนให้ชนะ (ชนะซ้ำไม่ได้)
  2. ฆ่ามอนสเตอร์
  3. อัปค่าสเตตัสให้ถึงระดับสูงสุด แล้วนั่งสมาธิ

เกมที่ดูเหมือนจะเป็น “ยูโร” แต่ไม่ใช่ !?

ผมว่าถ้าใครเป็นคอยูโรจ๋า ๆ มาเล่นเกมนี้ มันต้องมีความรู้สึกลังเลบ้างแหละครับว่าจริง ๆ แล้วมันเป็นเกมยูโรหรืออเมริแทรชกันแน่ เพราะสำหรับผม The Witcher: Old World เป็นเกมที่มีทั้ง 2 องค์ประกอบอยู่ด้วยกัน มันเหมือนเกมยูโรที่พยายามใส่ธีมเข้าไปอะครับ ซึ่งเชื่อว่าตอนเกมวางขาย เสียงผู้เล่นจะต้องแตกอย่างแน่นอน เพราะมันเป็นเกมที่ดูเหมือนไปไม่สุดในแต่ละสายเลย

แต่ถ้าเรามองมันเป็นเกมที่ชื่อว่า The Witcher สำหรับผมจะเรียกมันว่าเกม Open-World ครับ และเป็นเกม Open-World แบบแข่งขันกันที่ให้อารมณ์คล้าย ๆ Mage Knight กับ Western Legends อยู่พอสมควร (ไม่ได้บอกว่าเหมือนกันนะ แค่อารมณ์มันคล้าย ๆ เกมเหล่านี้เฉย ๆ )

คือเราเลือกได้อะครับว่าอยากจะทำอะไร อยากจะเล่นเป็น Witcher สายไหน เริ่มเกมผมอาจจะเก็บแต้มโดยการตบเพื่อนก่อนก็ได้ หรือจะไปหาเงินจากเล่นป๊อกเกอร์ลูกเต๋าก็ได้ หรือจะไปฝึกวิชาฟาร์มการ์ดฟาร์มความสามารถก่อนจะไปล่ามอนสเตอร์ก็ได้ คือเกมมันให้อิสระกับเราในระดับหนึ่งเลย แต่ว่ามันไม่ใช่เกมที่เล่นกับตัวเองครับ เพราะมันยังมีเพื่อนของเราเดินอยู่ในแมปเดียวกัน และพวกเขาพร้อมจะวิ่งมากระซวกเราได้ทุกเวลา

อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ตัวเกมมีธีมแบบแน่น ๆ เลยคือ “การ์ดอีเวนท์” ครับ เพราะมันมีเนื้อเรื่องให้เราได้อ่านได้ตัดสินใจ คุณอาจเข้าไปในเมือง แล้วโดนชาวเมืองเกลียด แต่คุณดันเลือกเกลียดชาวเมืองตอบ คุณก็เลยฆ่าคนที่คุณเกลียดแล้วก็ปล้นเงินมา กลายเป็นว่ารอบนั้นคุณได้เงินเพิ่มขึ้น นี่คือเสน่ห์อย่างหนึ่งของเกมนี้ครับ เสน่ห์ของความสีเทา ๆ ที่การทำดีในเกมก็อาจไม่ได้ให้ผลลัพท์ที่ดีแก่เราก็ได้

ทั้งหมดทั้งมวลที่เล่ามานี้ ทำให้เมื่อใดที่เราไปพยายามตีกรอบมันว่ามันคือเกมอะไร Old World จะกลายเป็นเกมที่คุณอาจไม่จอยได้ครับ เพราะมันมีหลายอย่างที่คอยูโรชอบแต่คออเมริแทรชไม่ชอบ หรือบางอย่างที่คออเมริแทรชชอบแต่ยูโรไม่ชอบใส่รวมอยู่ด้วยกัน เพื่อที่ตัวเกมจะสามารถรองรับความเป็นโลกของ Witcher ได้อย่างมากพอ และเป็นเกมที่แข่งขันกันได้สนุกด้วย

ผมว่าถ้าคุณจะจอยกับเกมนี้ได้ คุณอาจต้องแค่รับมันแบบไม่เปรียบเทียบ และต้องเล่นมันในฐานะอเมริแทรชที่สวมบทบาทในฐานะ Witcher แต่ก็ต้องจอยกับระบบเกมที่มีความเป็นยูโร เพื่อให้เกิดกลไกในการเล่นไปพร้อม ๆ กันครับ

แล้วมันสนุกไหม ?

บอกก่อนนะ ผมว่าเกมนี้จะสนุกได้ กลุ่มคุณอาจต้องอินหรือสวมบทบาทเป็นตัวละครในเกมได้ครับ พูดง่าย ๆ คือถ้าคุณมีกลุ่มเพื่อนที่เล่นกันบ่อย ๆ ชอบแกล้งกัน ชอบการต่อสู้ สนุกกับเกม RPG ได้ และไม่มีปัญหาเรื่องการอ่าน ผมว่าเกมนี้โคตรสนุกเลย

ส่วน Solo ผมว่าเราสนุกกับมันอยู่แล้วครับ คือเกมมันมีความสุ่มสูง ดังนั้นต่อให้เล่นบ่อยจำได้ทุกการ์ด ทุกอีเวนท์ ก็ไม่ได้หมายความว่าในแต่ละเกมจะออกเหตุการณ์เหมือนกัน หรือต้องไปปราบมอนสเตอร์ตัวเดียวกันครับ เกมนี้มัน Open-World อะ เราสนุกกับการผจญภัย การต่อสู้ การปั้นตัวละคร หรือเสพเนื้อเรื่องแน่นอน น่าเสียดายผมไม่ได้ไปอ่านกฎ Solo เลยไม่รู้ว่าเป็นยังไง แต่ผมว่าตัวเกมมันใส่กฎเพิ่มความท้าทายลงไปได้ครับ เช่น ตายได้กี่ครั้ง

คือเกมนี้การแพ้มอนสเตอร์ หรือดวลแพ้เราจะไม่ตายครับ เราอาจโดนโทษนิด ได้โบนัสปลอบใจหน่อย แต่เราจะไม่ตาย สายฮาร์ดคอร์อาจไม่ถูกใจ แนะนำเพิ่มกฎการตายเข้าไปเลยครับ ใครดวลแพ้ โดนมอนสเตอร์ฆ่า แพ้เกมไปเลย น่าจะช่วยเพิ่มความดุเดือดเข้าไปได้อีกจริง ๆ นะ

ระบบเกมเยอะ มินิเกมแยะ แต่ทุกอย่างเป็นเนื้อเดียวกัน !?

นี่คือนิยามที่ผมให้กับ The Witcher: Old World ครับ คือตัวเกมมันมีอะไรหลายอย่างที่เราต้องทำความเข้าใจก่อนเล่นเยอะพอสมควรเลย เรียกว่าจุกจิกก็ว่าได้ เช่นพวกมินิเกมป๊อกเกอร์ที่ใช้การทอยเต๋า พวกนี้จะมีกฎการเล่นของมันเอง เป็นเหมือนมินิเกมที่สอดอยู่ภายใน แต่ผมบอกเลยว่าโคตรบันเทิง แถมเอามาเล่นดวลกับคนอื่นได้ด้วยนะ

ระบบต่อสู้ใช้การ์ดเล่น ซึ่งการ์ดยังเปรียบเป็นเลือดของเรา ยิ่งเราโดนตีหนักมากเท่าไร การ์ดของเราก็จะยิ่งน้อยลง แต่ตัวการ์ดก็มีกลยุทธ์มากมายให้เราได้เล่น มีทั้งระบบต่อการ์ด การใช้คุณสมบัติของการ์ด และอีกหลาย ๆ อย่าง

การโต้ตอบระหว่างผู้เล่นก็ดี เพราะตัวเกมมีกฎว่าผู้เล่นข้าง ๆ เราหรือคนที่จะเล่นคนต่อไป จะเป็น AI ให้กับเรา เช่นเราจะเล่นพนัน ผู้เล่นคนนั้นก็จะทอยเต๋าแทน AI ให้ หรือตอนสู้กับมอนสเตอร์ ผู้เล่นคนนั้นจะต้องตัดสินให้ว่าเราจะโดนดาเมจจากการ์ดฝั่งไหน ไปจนถึงตอนที่เกิดการดวลกับผู้เล่นด้วยกันเอง ผู้เล่นคนอื่น ๆ ก็สามารถลงเงินพนันกันว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะได้อีกด้วย ตรงนี้ผมว่าทำได้ดีเลย

จุดที่ผมชอบอีกจุดและเซอร์ไพรส์ผมมาก ๆ ก็คือเรื่องของตัวละครที่เราต้องเล่น อย่างที่ทราบเราจะได้เล่นเป็น Witcher ที่อยู่คนละสำนักกัน ตอนแรกผมก็คิดว่าทุกคนจะมีความสามารถเหมือน ๆ กัน แต่ไม่ใช่ครับ Witcher แต่ละสำนักจะมีความสามารถพิเศษที่ไม่เหมือนกัน เช่นสำนักหมีจะมีบัฟที่ช่วยเพิ่มโล่ห์ให้ตอนสู้ หรือสำนักอสรพิษจะสามารถมองเห็นการ์ดของมอนสเตอร์ที่จะโจมตีเราใบต่อไปและสามารถกำจัดมันทิ้งก่อนได้ เป็นต้น

ในแง่ของเนื้อเรื่องหรือการเล่าเรื่อง อันนี้เป็นจุดแข็งที่ตัวเกมทำได้ดีอยู่แล้วครับ โดยนอกจากการ์ดอีเวนท์ที่มีเรื่องราวให้เราได้เสพแล้ว มอนสเตอร์ทุกตัวก็มีบทเรื่องราวของมัน แถมแต่ละตนยังมาพร้อมความสามารถพิเศษที่ไม่เหมือนกันอีกด้วย

อ้ออีกระบบที่ผมชอบคือ ระบบเบาะแสของมอนสเตอร์ คือเกมนี้เราสามารถหาเบาะแสของมอนสเตอร์ก่อนไปสู้ได้นะ ซึ่งถ้าเรามีเบาะแสเราจะสามารถโจมตีมอนสเตอร์ได้ก่อน อันนี้สำคัญมากครับ เพราะปกติมอนจะโจมตีเราก่อนเสมอไง และตีแรงมากด้วย การตีมอนได้ก่อนนี่บอกเลยว่าโคตรได้เปรียบ

ทั้งนี้แม้ตัวเกมจะไม่มีระบบฟาร์มของ แต่ตัวเกมมีระบบฟาร์มน้ำยาเน่อ คือมันจะเป็นการ์ดน้ำยาสำหรับใช้ตอนต่อสู้ คล้าย ๆ การใช้ไอเทมนั่นแหละ นอกจากนี้ตัวเกมจะมีระบบที่เกี่ยวกับการปรับแต่งตัวละครของเรา แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ หนึ่งเลยคือชุดการ์ด ที่ยิ่งเยอะแปลว่าเราก็มีเลือดที่เยอะขึ้น การต่อคอมโบก็จะเยอะขึ้นด้วย ส่วนอย่างที่สองคือค่าสเตตัส ที่นอกจากจะมีผลในการเล่นหรือจำนวนการใช้การ์ดแล้ว หากเลือกสายหรือวิธีการเล่นดี ๆ ยังมอบแต้มชื่อเสียงให้เราอีกด้วย

อย่างที่บอกครับเกมนี้มันมีระบบที่ค่อนข้างเยอะ แต่ผมชอบที่ทุกระบบมันมีการเกี่ยวพันกันไม่มากก็น้อย ทำให้การทำบางอย่างก็จะส่งผลกับอีกอย่างด้วย เกิดเป็นการคิดหรือกลไกการเล่นที่ไม่ได้เบาหวิวเหมือนอเมริแทรชทั่วไป แต่มีความหนักที่บอร์ดเกมควรจะมีใส่แทรกอยู่ด้วยนั่นเอง

เกมนี้ควรซื้อตัวเสริม !!

อันนี้ไม่ได้อวยอะไรนะ แต่คือเกมมันเน้นการสุ่มเป็นหลักครับ ดังนั้นยิ่งเรามีคอนเทนต์มากเท่าไร รีเพลย์ในการเล่นก็จะยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น

  • อย่างตัวเสริมที่ชื่อว่า Mages จะทำให้เราเปลี่ยนจากการเล่นเป็น Witcher ไปเล่นเป็นเหล่าจอมเวทย์ได้ พวกนี้ก็มีความสามารถที่แตกต่างกัน เพิ่มกลไกใหม่ เพิ่มความหลากหลาย มันเลยยิ่งดูน่าสนุก
    .
  • หรือตัวเสริมอย่าง Legendary Hunt ที่จะใส่มอนสเตอร์ที่เคลื่อนที่ไปมาได้เข้ามา เพิ่มความบรรลัยในการเล่นมากกว่าเดิม (มอนสเตอร์เกมนี้มันโหดมากนะ)
    .
  • เสริม Skellige ขยายแมปให้กว้างขึ้น เพิ่มการ์ดเกาะให้เราได้เดินทางไปฝึกวิชาหรือฟาร์มของได้มากกว่าเดิม
    .
  • เสริม Wild Hunt เปลี่ยนเกมให้เป็นโหมด Co-op ปรับกฎใหม่เพียบ พร้อมปะทะกับบอสใหญ่ท้ายเกม
    .
  • เสริม Monster Trail เพิ่มความดุให้กับมอนมากยิ่งขึ้น !!

อะไรคือจุดอ่อนของตัวเกม ?

จากที่ลองสังเกตุนะครับ เกมนี้อาจต้องเล่น 2 – 3 รอบ ถึงจะเล่นได้สนุกและคล่องขึ้นครับ เล่นตอนแรกจะเหนื่อยในเรื่องของการสอนและทำความเข้าใจกฎอยู่พอสมควร แต่ตัวเกมเซ็ตง่ายนะ อันนี้ข้อดีเลย

ดาวน์ไทม์สูงมากกกก คือเล่น 5 คน ต้องมีคนรอจนหลับแน่อะพูดเลย และเชื่อว่าต่อให้เล่นกันคล่อง ๆ แล้ว ก็ยังนานครับ ซึ่งจะทำให้เราอินกับเกมได้ยากขึ้น ผมคิดว่า 1 – 3 คน น่าจะกำลังโอเคนะ

เกมอ่านเหนื่อยนะ คือใครไม่ชอบเกมที่ต้องอ่านก็เลี่ยงได้ก็ดี เพราะอ่านพอสมควร โชคดีคือมันมีแปลไทย แต่ถ้าไม่ชอบอ่าน ก็อาจไม่อินได้เช่นกัน เพราะมันจะทำให้จังหวะการเล่นสะดุด แต่ถ้าใครชอบฟังเรื่องราว ชอบเล่นเกมสวมบทบาท สำหรับผมอันนี้คือข้อดีครับ

คนเล่นก่อนได้เปรียบมากกกก เพราะคนเล่นก่อนจะเหมือนได้การเล่นหรือรอบในการเล่นที่เยอะกว่าผู้เล่นคนอื่น ๆ อย่างไรก็ตามตัวเกมมีโบนัสให้กับผู้เล่นที่เล่นที่หลังเช่นกัน แต่เอาตรง ๆ ก็ไม่รู้ว่าช่วยได้ขนาดไหนเหมือนกันครับ

Categories List
Latest Posts