เมื่อ CMON ประกาศกลับมาจัดงานบอร์ดเกมในประเทศไทยอีกครั้ง CMON Expo Thailand 2022 จึงเกิดขึ้น !!

ขอบอกก่อนเลยว่า ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยไปงาน CMON Expo Thailand รอบก่อนนะครับ ดังนั้นในบทความนี้ผมจะไม่มีการเปรียบเทียบงานที่จัดในครั้งนี้หรือครั้งก่อนแต่อย่างใดเน่อออ…

สำหรับงาน CMON Expo Thailand 2022 เป็นงานบอร์ดเกมที่จัดขึ้นทั้งหมด 2 วันด้วยกันครับ คือวันที่ 4 และ 5 ธันวา 2022 จัดขึ้นที่ห้อง Grand Hall ชั้น 3 อาคาร WEST ตึก True Digital Park ตัวงานจัดตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้าจนถึง 2 ทุ่ม ภายในงานนอกจากจะมีร้านมาเปิดท้ายขายเกมแล้ว ตัวงานยังได้จัดพื้นที่ให้เราสามารถนั่งเล่นเกมในตัวงานได้เลยอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมบนเวทีไปจนถึงการพรีวิวเกมเจ๋งๆ ในหลายๆ โต๊ะ เรียกได้ว่าเป็นงานที่ครบรส และสนุกมากๆ เลยครับ

บรรยากาศและพื้นที่ภายในงาน

ถ้าจะให้ผมแบ่งสัดส่วนในงานแบบละเอียดๆ ตามที่ผมเห็นนะครับ ตัวงานแบ่งส่วนต่างๆ ภายในงานออกเป็น 6 ส่วนด้วยกัน

ส่วนที่ 1 : “ประตูเข้างาน”

“ประตูเข้างาน” เป็นส่วนที่จัดพื้นที่เอาไว้สำหรับคนที่ต้องการเข้ามาร่วมงานทั้งคนที่ซื้อบัตรมาก่อนหน้า และคนที่พึ่งมาซื้อบัตรที่หน้างาน ในส่วนนี้ไม่ได้จัดอะไรให้หวือหวามากครับ และผมมองว่าตรงนี้ค่อนข้างมีปัญหาอยู่นิดหน่อย คือการเช็คอินเข้างานค่อนข้างใช้เวลา อาจเพราะคนมาร่วมงานเยอะ ต้องมีการเช็คชื่อไปจนถึงการหยิบเอาของที่ระลึกมาให้คนที่มาร่วมงาน ทำให้เกิดการต่อแถวของคนที่มาร่วมงานอยู่บ้าง

“แถวยาวหน่อย ประตูเล็ก”

นอกจากนี้ตรงส่วนประตูหน้ายังค่อนข้างเล็กและมีทางเข้าออกเพียงทางเดียว ซึ่งในงานมีการส่งมอบเกมที่ค่อนข้างกล่องใหญ่และมีหลายกล่องมากๆ ครับ ผมสังเกตว่าบางคนที่ไม่ได้เตรียมตัวมา อาจต้องยกกล่องที่หนักและสูงกว่าหัวเพื่อเดินออกจากประตูเล็กๆ นั้น ซึ่งมีคนเดินเข้าออกอยู่ตลอดเวลา ก็บอกเลยว่าค่อนข้างหน้าหวาดเสียวครับ แต่โดยรวมผมว่าตรงนี้คือไม่แย่นะ อาจเพราะเป็นวันแรกและมีคนเข้างานเยอะด้วย แถวจึงยาวหน่อยและคนที่ขนกล่องใหญ่ๆ จึงมากหน่อย

ส่วนที่ 2 : “ตู้มิเนเจอร์”

หากเราสามารถพ้นจากแถวและจุดเช็คชื่อไปได้ เราจะมี 2 ทางเลือกครับ คือจะเข้างานไปเลย หรือจะเดินไปขวาสักหน่อย เพื่อชมตู้มิเนเจอร์จากเกม CMON ที่เพนต์สีไว้อย่างดี โดยส่วนตัวตรงส่วนนี้มีอยู่ประมาณ 4 – 5 ตู้ที่น่าสนใจ และแนะนำให้เพื่อนๆ ไปส่องดูกัน นั่นคือตู้ของเกม Marvel Zombies: A Zombicide Game ที่นอกจากจะพาคุณพ่อกาแลคตัสมาตั้งโชว์ให้เราได้เห็นตั้งแต่ตอนต่อแถวแล้ว ยังมีตู้ของเหล่าฮีโร่และซอมบี้ที่เพนต์แบบสมบูรณ์ให้เราได้ว้าว ว้าว กันแบบสุดๆ อีกด้วย

“ป้าย 10 ปี Zombicide ไม่อยากให้มองผ่านเลย”

ส่วนอีกตู้ที่โดดเด่นไม่แพ้กันเลย เป็นของตู้ฝั่งของเกม Dune: War for Arrakis ที่พาพี่หนอนตัวใหญ่ๆ พร้อมยานและเหล่าฮีโร่มายั่วเราแบบจุกๆ อย่างไรก็ตามนอกจากตู้มิเนเจอร์แล้ว ตรงส่วนนี้ที่ไม่อยากให้พลาดมองผ่านกันไป นั่นคือส่วนของป้ายครบรอบ 10 ปี ซีรีส์เกม Zombicide ครับ เพราะตรงป้ายมีการบอกเล่าถึงประวัติเกม Zombicide ตลอด 10 ปีของตัวซีรีส์ ใครชอบซีรีส์นี้มากๆ แนะนำให้ไปยืนอ่านกันดูเน่อ ดีมากๆ เลยครับ

ส่วนที่ 3 : “ศึก A Song of Ice & Fire”

หากใครที่ยังไม่ได้อยากเข้างาน ถัดจากตู้มิเนเจอร์มา จะมีพื้นที่ของโต๊ะที่จัดไว้สำหรับโซน A Song of Ice & Fire: Tabletop Miniatures Game อยู่ครับ ใครที่ไม่เคยได้สัมผัสประสบการณ์การเล่น Miniatures War Game ผมแนะนำให้ไปเดินดูชมตรงส่วนนี้ได้เลย โดยนอกจากจะมีการแข่งขันให้เราดูแบบจุๆ แล้ว ช่วงท้ายๆ พื้นที่ส่วนนี้ยังจัดให้คนที่อยากลองเล่นตัวเกม ได้เรียนรู้และลองเล่นตัวเกมแบบจริงๆ อีกด้วย

“ชมมิเนเจอร์สวยๆ พร้อมๆ ไปกับการดูศึกสงครามไฟน้ำแข็ง”

อย่างไรก็ตาม ไฮไลท์ของส่วนนี้คือศึกการเล่น A Song of Ice & Fire: Tabletop Miniatures Game แบบจริงๆ เนี่ยแหละครับ คือนอกจากได้เห็นบรรยากาศการเล่นแล้ว เรายังได้เห็นเหล่าทหารของผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนด้วย ที่ผมบอกเลยว่า เพนต์สวยทุกตัว แฟนซีรีส์ Game of Thrones ไม่อยากให้พลาดเลยครับ

นอกจากนี้ในช่วงท้ายๆ ตอนที่ไม่มีแข่งกันแล้ว พื้นที่ส่วนนี้ยังถูกจับจองโดยเหล่าโรลเพลย์ (เดาว่าเพราะมันเงียบกว่าในห้อง) ใครอยากลอง หรืออยากรู้ว่าเกมแนวโรลเพลย์เขาเล่นกันยังไง ลองเดินดุ่มๆ มาแอบดู แอบฟัง หรือถ้ามีโอกาสสามารถขอจอยได้ ลองดูนะครับ เป็นประสบการณ์ที่ไม่ได้หาเล่นกันได้ง่ายๆ เลย

ส่วนที่ 4 : “โซนร้านค้า”

สำหรับในห้องจัดงาน ส่วนที่ดึงดูดเราได้มากที่สุด น่าจะเป็นพวกร้านเกมต่างๆ ที่หยิบเอาเกมของตัวเองมาลดราคาขายครับ ภายในงานมีอยู่ประมาณ 8 – 9 ร้านได้ ส่วนตัวเกมก็ทั่วไปนะครับ ใครซื้อเกมบ่อยๆ ก็อาจจะเฉยๆ แต่ถ้ามีน้องๆ ลูกๆ หรือพาหลานมาด้วย ก็ถือว่าค่อนข้างโอเคเลย เพราะตัวเกมที่เอามาขายก็มีครบทุกรูปแบบ ตั้งแต่เกมสำหรับเด็กๆ ไปจนถึงเกมสำหรับเกมเมอร์ที่ค่อนข้างซับซ้อนและเล่นได้ยาก โดยแต่ละร้านก็จะมีคนคอยแนะนำอยู่ด้วย สนใจเกมไหน ไม่รู้เกมสนุกไหม ลองไปคุยกับพวกเขาดูเน่อ

โอเคเรามาต่อในส่วนของร้านกันนะครับ สำหรับในงานนี้ร้านที่ดูจะเป็นไฮไลท์ที่สุด หน้าจะเป็นส่วนของ CMON เพราะเป็นส่วนที่เราต้องเดินไปขอรับกล่อง Blind box ครับ แต่ในส่วนของเกมที่ทางค่ายขนเอามาขายนั้น ก็ขอพูดตรงๆ ว่า น่าผิดหวัง เพราะเขาเอาเกมมาน้อยมากๆ ใครที่หวังจะมาสอยเกมหน้างาน ผมบอกเลยว่าไม่มีอะไรที่น่าสนใจเลย ยกเว้นคุณเป็นแฟน CMON จริงๆ กล่องครบรอบ 20 ปีของค่าย หรือกล่อง 10 ปีของเกม Zombicide ผมว่ามันก็พอได้อยู่นะ

แต่ถ้าคุณอยากได้เกมที่มันออกจะเป็นแนวปาร์ตี้หรือแฟมิลี่สำหรับเอาไปเล่นกับเด็กๆ ผมว่า CMON เขาเตรียมมาค่อนข้างดีนะครับ ลองๆ ไปเดินดูกันได้

“เกมผู้จัดงานไม่เด่น มีร้านโปรเด็ดๆ แค่ 2 ร้านเท่านั้น”

ส่วนอีกร้านที่มาจากต่างประเทศเหมือนกัน นั่นก็คือของค่าย JAPON BRAND ครับ ค่ายเกมของญี่ปุ่น ตัวเกมที่ทางค่ายหยิบเอามาขายมีไม่มากนักนะ และก็ค่อนข้างอินดี้มากๆ มันก็เลยให้ความรู้สึกที่ดูจะเสี่ยงไปนิด ถ้าจะซื้อกลับบ้านไปสักกล่องน่ะครับ

ส่วนร้านบอร์ดเกมที่ขนเกมเอามาขายในงานนี้ ที่ผมยกให้เป็นเบอร์ต้นๆ ผมขอให้เครดิตกับ 3 ร้านนี้ละกันครับ ร้านแรกนี่ผมยกให้กับทาง AFK Board Game Shop นะครับ เพราะเขาให้ส่วนลดเกมในร้านที่เยอะมากๆ แม้เขาจะมาเป็นร้านเล็กๆ แต่ก็มีเกมบางส่วนที่จัดไว้ขายในราคาที่ลดลงกว่า 50% บวกด้วยกิจกรรมกดติดตามเพจ ที่เขาจะลดราคาเกมให้อีก หรือถ้าซื้อเยอะก็ลดให้อีก แถมเกมที่เอามาขายก็เรียกว่าว้าวได้ระดับนึงเลย ผมเลยยกให้เขาเป็นร้านที่ขายเกมได้ดีที่สุดในงานนี้เลย

สำหรับร้านที่ 2 ผมยกให้กับทางร้าน More Than a Game ครับ ที่ให้เป็นอันดับ 2 เนี่ย มาจากเกมของ CMON ที่ทางร้านยกมาขายในงาน ซึ่งให้ส่วนลดที่เยอะมากๆ บางชุดเกมราคาในตลาดอยู่ที่ประมาณ 25,000 – 30,000 ทางค่ายลดราคาจนเหลือแค่ 20,000 บาทเท่านั้น แม้จะไม่ได้ถูกเท่ากับชุดที่ทาง CMON เขาเปิดให้พรี แต่ราคานี้ก็เรียกได้ว่าค่อนข้างพิเศษมากแล้วครับ เหมาะกับคนที่กดพรีไม่ทันจริงๆ แล้วพอมีงบและยังอยากได้เกมอยู่มากๆ บอกเลยว่าคุ้มแบบไม่รู้จะคุ้มอย่างไรแล้ว

และร้านอันดับ 3 ผมขอยกให้กับทางร้าน Tower Tactic Games ละกันครับ จริงๆ โดยส่วนตัวแล้วในแง่ของโปรโมชั่น ทางร้านก็ถือว่าพอๆ กับร้านอื่นๆ แต่ที่ให้เนี่ยเพราะเกมที่ร้านหยิบมาขายมันค่อนข้างน่าจะถูกใจคนในงานที่อาจไม่ใช่สายบอร์ดเกมจริงๆ ที่น่าจะเข้าถึงได้มากกว่าร้านอื่นๆ ครับ ซึ่งมาพร้อมโปรสุดฮิต ซื้อ 3 กล่องลด 25% แถมให้หมุนวงล้อรับรางวัลเพิ่มไปอีกต่อ ส่วนตัวเกมนอกจากจะขนเกมแปลไทยที่พึ่งออกใหม่มาขายแล้ว ยังมีเกมใหญ่ๆ อื่นๆ ที่ขนมาขายด้วย ผมมองว่าเขาครบรส แค่นั้นเลย

ส่วนที่ 5 : “โต๊ะพรีวิวเกม”

ส่วนที่ใหญ่ที่สุดในงานนี้ ผมยกให้กับ “โต๊ะ” ในงานครับ ซึ่งเรื่องนี้ขอชมว่าเตรียมมาได้ดีเลย และต่อให้เตรียมมาได้เยอะแล้ว คนในงานก็ยังถือว่าเยอะกว่า ทั้งโต๊ะที่ทางร้านเตรียมเกมไว้ให้พรีวิวลองเล่น ไปจนถึงโต๊ะว่าง พอช่วงพีคๆ โต๊ะก็เต็มหมดทุกโต๊ะ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าแออัดนักนะ แอร์ยังเย็น แต่เสียงดังหน่อยเท่านั้น

สำหรับเรื่องโต๊ะในงานนี้ ผมขอแบ่งย่อยๆ ออกเป็น 3 ส่วนนะครับ ส่วนแรกเป็นโต๊ะพรีวิวเกม ที่เป็นเกมของทางร้านเอามากางให้คนในงานได้ลองเล่นกัน รวมไปถึงเกมจากการประกวดก็มีให้ลองในงานนี้เช่นกัน ส่วนที่สองเป็นโต๊ะที่คนในงานเอาเกมมากางเล่นกันเอง ตรงนี้เห็นอยู่ค่อนข้างเยอะเลย มันเป็นบรรยากาศที่ดีมากๆ ครับ ผมรู้สึกอบอุ่นใจมาก เพราะนอกจากคุณจะได้เห็นกลุ่มเพื่อน กลุ่มแฟนกางเกมเล่นกันแล้ว ที่น่าประทับใจที่สุดคือการได้เห็นหลายๆ ครอบครัว ที่พาลูกๆ หลานๆ ตนมากางเกมเล่นกัน มันดีมากจริงๆ

สำหรับส่วนที่สาม คุณจะพบกับเหล่าผู้เอากล่อง Blind box มาเปิดในงาน เพราะว่าในกล่องบางกล่องมันมี “ตั๋วทอง” ที่ถ้าคุณได้ คุณสามารถเดินเอาไปแลกเกมกล่องใหญ่ๆ เพื่มจากทาง CMON ได้เลยนั่นเอง เพราะฉะนั้นอย่าเก็บไปเปิดที่บ้านนะครับ พลาดแล้วพลาดเลยเน่อ

“เล่นเกมในงานกันแบบจุกๆ พร้อมคนสอนกฎที่ยืนรอคุณอยู่แล้ว”

ในส่วนเกมที่ร้านหยิบมากางพรีวิวในงาน ผมค่อนข้างที่จะชอบของร้าน Bewitched Board Game กับของร้าน Legendary Wargame เป็นพิเศษครับ เพราะเกมของร้านนี้จะมาพร้อมกับมิเนเจอร์ที่เพนต์สีแล้วอย่างงดงาม ใครอยากลองเล่นเกม Blood Rage, Nemesis, RISING SUN, หรือ BRAWL แนะนำเลยครับ มีคนสอนให้พร้อม แถมมิเนเจอร์ยังแจ่มมากๆ อีกด้วย

แต่ถ้าใครอยากเล่นที่เบากว่าหน่อยในระดับแฟมิลี่ ฝั่งร้าน Tower Tactic Games มีให้ลองแบบจุกๆ ไม่ว่าจะ AZUL, Mountain Goats, Flamecaft, Luna Capital, Cascadia, และที่เด็ดไปกว่านั้น ยังมีเกมอย่าง Ark Nova และ Marvel Zombies: A Zombicide Game ที่ทุกเกมล้วนเป็นเกมแปลไทยทั้งหมด รอให้เราไปต่อแถวเล่นได้ตลอดทั้งงาน ซึ่งแน่นอนมีคนประจำคอยสอนกฎให้เราอยู่อีกด้วย

ส่วนถ้าใครพาลูกหรือเด็กเล็กๆ มา ในฝั่งปากประตูเข้างาน ทางร้าน ลานละเล่น ได้มีกางเกมสำหรับเด็กจ๋าๆ เอาไว้อยู่นะครับ ส่วนฝั่งคอยูโร ผมแนะนำให้ไปลองเกม AOC เกม KS ของค่ายฝรั่งเศส หรือจะลอง Encyclopedia เกม KS ที่ใกล้จะเข้าไทยเร็วๆ นี้ก็น่าสนใจครับ มีคุณเจ้าของร้านยืนคอยสอนเกมประจำอยู่ด้วยแหละ

สำหรับสายอเมริแทรช ในงานจะมีอยู่เด่นๆ 2 ร้านด้วยกันครับ หนึ่งคือ More Than a Game มีเกม Zombicide มากางให้เราได้ลองเล่น ส่วนอีกหนึ่งคือฝั่งของผู้จัดงานอย่าง CMON เอง ที่เอา Cthulhu: Death May Die – Fear of the Unknown ที่พึ่งจบการระดมทุนบน KS ไป มากางให้เราได้ลองสัมผัส ซึ่งนอกจาก Death May Die แล้ว ทาง CMON ยังกางเกม MONOLYTH กับเกม JISHAKU ให้เราได้ลองเล่นอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีเกมของทาง JAPON BRAND ไปจนถึงกลุ่มโรลเพลย์เกมให้เราได้ไปส่อง หรือลองเล่นกันอยู่อีกหลายกลุ่มเลย (ผมไม่มั่นใจว่าฝั่งโรลเพลย์นี้เป็นของร้านไหนครับ) และยังมีเกมประกวดในโครงการ EUREKA ทั้งเกมที่ผ่านเข้ารอบในปีนี้ และเกมที่ชนะในปีก่อนอย่าง BABEL ให้ลองด้วยนะ อันนี้ผมแนะนำ บอกเลยสนุกมากกก !!

ส่วนที่ 6 : “เวที”

ส่วนสุดท้ายในงานนี้ คือส่วนของเวทีครับ ซึ่งจะมีประกาศจับ Lucky Draw ให้คนในงานได้ลุ้นกันอย่างสนุก ไปจนถึงการประมูลเกมจากทาง CMON และ Tower Tactic Games ก็ถือเป็นสีสันและไฮไลท์ของงานนี้เลยละ นอกจากนี้ในช่วงท้ายของงาน ทางค่าย Tower Tactic Games ยังมีเซอร์ไพรส์ เปิดตัวเกมแปลไทยเกมใหม่ที่จะออกในช่วงต้นปี 2023 อีกมากถึง 12 เกม บอกเลยว่ามีเจ็บ

ส่วนตัว ผมชอบพลังของคุณ Karn GG ที่มาเป็นพิธีกรในงานนี้มากครับ ทั้งการส่งมุขยิงมุข ไปจนถึงการเอนเตอร์เทน มันทำให้งานสนุกขึ้นแบบมากๆ เจ๋งสุดใจยกให้เลย

ความประทับใจ

ยอมรับว่าตอนแรกที่จะมาเดินงาน CMON Expo Thailand 2022 นี้ คือกะจะมาเดินช้อปซื้อเกมของ CMON อย่างเดียวเลยครับ แต่กลายเป็นว่าในงานไม่มีเกมที่ถูกใจผมเลย ก็เลยจะรู้สึกเฟลเล็กๆ แต่ขอบอกก่อนว่านั่นเป็นในฝั่งผมคนเดียวนะ !!

เพราะถ้าพูดกันจริงๆ ความสนุกของงานนี้เริ่มขึ้นก่อนที่ตัวงานจะจัดขึ้นอีก เมื่อทางค่ายได้มีการเปิดพรีเกม KS แบบยกชุดใหญ่ๆ ในราคาที่คนซื้อก่อนหน้าอาจมีร้องไห้ ผมว่านี่ถือเป็นไฮไลท์ของงานในครั้งนี้เลยก็ว่าได้ครับ น่าเสียดายที่ผมไม่ได้ร่วมในส่วนของทั้งการพรีเกม หรือพรีกล่อง Blind box เพราะโดยส่วนตัวผมมีเกมเหล่านั้นอยู่แล้ว และเกมในกล่อง Blind box ก็ไม่ได้ดึงดูดผมมากนัก ผมเลยจะไม่ได้ฟิลความฟินจากการลุ้นเปิดกล่องในงาน ไปจนถึงการแบกเกม KS หายากในราคาแบบโคตรว้าวกลับบ้าน

นอกจากนี้ ด้วยความที่ผมหาข้อมูลและซื้อเกมอยู่บ่อยๆ ทำให้เกมในงานสำหรับผมมันใช่สิ่งที่แปลกใหม่เลย เพราะทุกเกมเราแทบจะรู้จักและตัดสินใจว่าจะไม่ซื้อมาก่อนหน้าแล้วครับ แต่ถ้าคุณเป็นสายนานๆ ซื้อเกมที ไม่ได้ตามหรือดูข้อมูลเกมใหม่บ่อยๆ ผมว่างานนี้มันคืองานเปิดโลก ที่คุณสามารถจะเอนจอยกับมันได้มากทีเดียว โดยเฉพาะยิ่งถ้าคุณมีสั่งกล่อง Blind box หรือพรีเกมยกชุดเอาไว้ คุณจะยิ่งสนุกกับงานนี้มากๆ ครับ

เพราะฉะนั้น จากการที่ผมเฟลไปกับรายการเกมที่ไม่มีอะไรที่ผมสนใจแล้ว ผมเลยไปเอนจอยกับการเล่นเกมที่หลายๆ ร้านกางไว้ให้เล่นครับ แต่ด้วยความที่ผมไปคนเดียว ก็เลยต้องหาจังหวะร่วมเล่นกับกลุ่มอื่นๆ เป็นหลัก ซึ่งทุกคนที่ผมไปร่วมเล่นด้วยนั้นน่ารักมาก เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ งานหนึ่งเลย

อีกหนึ่งอย่างที่ผมได้สนุกไปกับงานนี้ คือการประมูลเกมครับ เห้ยมันสนุกมาก โดยเฉพาะกับผมที่เป็นนักซื้อเกมมาดอง เกมที่เอาขึ้นมาเปิดประมูล หลายๆ เกมก็ค่อนข้างแปลกตา บางเกมก็ไม่ใช่เกมที่ผมสนใจอยู่แล้ว แต่ด้วยราคาประมูลที่เริ่มจาก 100 บาทเท่านั้น มันทำให้ทุกเกมที่หยิบขึ้นมาประมูล เป็นเกมที่ผมสนใจทันที แต่น่าเสียดายตรงที่ผมไม่ได้ดูตารางดีๆ ตอนเริ่มประมูลแรกๆ ผมไปติดเล่นเกม Cthulhu: Death May Die – Fear of the Unknown อยู่ ก็เลยพลาดไปหลายเกมเลย

“งานที่รวมคนทุกเจน ทุกวัย เอาไว้รวมกัน”

โดยส่วนตัวถ้าไม่ติดว่าผมสนใจเกมแปลไทยที่ทางค่าย Tower Tactic Games จะเปิดตัว ผมก็น่าจะกลับออกจากงานไปก่อนแล้วครับ แต่เพราะมีสิ่งที่ทำให้ผมต้องรออยู่ในงาน ก็เลยได้เห็นภาพหลายๆ ภาพที่ค่อนข้างน่าประทับใจ โดยเฉพาะภาพที่คนทุกเจน ทุกวัย อยู่ในงานเดียวกัน เป็นอะไรที่ผมชอบ และประทับใจที่สุดเลยสำหรับงานนี้แล้ว

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด แนะนำว่าหาเพื่อนมางานนี้สักคนครับ เพราะเกมในงานที่กางให้ลองเล่นส่วนใหญ่ไม่ใช่เกม Solo ถ้าคุณไม่เก่งการขอจอยเล่นกับกลุ่มอื่นๆ นัก การมีเพื่อนมีแฟนมาเดินงานด้วย จะทำให้คุณสามารถเอนจอยกับงานนี้ได้มากขึ้นมากครับ !!

เกมที่ผมได้ลองในงาน

จริงๆ พาร์ทนี้ว่าจะยกไปเขียนแยก แต่ขอทำเป็นมินิรีวิวให้อ่านกันสนุกๆ ในบทความนี้ไปเลยละกันครับ เพราะมันก็ค่อนข้างเป็นบทความที่ยาวอยู่แล้ว (555+) ขอบอกก่อนว่าผมไม่ได้เล่นทุกเกมในงานนะ และเกมที่เล่นทั้งหมดต่อไปนี้ คือผมแค่ชิมไปเพียงครั้งเดียวเล็กๆ เท่านั้น

WAGONER of Rodentale

เกมนี้เป็นเกมแรกที่ผมได้เล่นในงานครับ เป็นเกมของผู้ประกวดโครงการ EUREKA ปีนี้ ตัวเกมแม้ว่าจะยังดิบ แต่ก็มีความสนุกในแบบที่เชือดเฉือนอยู่พอสมควรเลยครับ

ในเกมเราจะต้องบริหาร Action ในการเดินไปยังจุดต่างๆ เพื่อเก็บรีซอร์สที่วางเอาไว้ เพื่อนำมันไปแยกส่วน หรือเอาไปส่งเควสตามจุดต่างๆ ที่ระบุ โดยการ์ดเควสที่ได้ จะเป็นแต้มในตอนจบเกม ความปวดหัวมันอยู่ตรงที่ว่า ตัวเรานั้นมีพื้นที่เก็บรีซอร์สที่ค่อนข้างจำกัด ทำให้เราต้องบริหารพื้นที่ + Action ที่จะทำในแต่ละรอบให้ดี แถมต้องสังเกตุคู่แข่งด้วยว่าเขาเล็งการ์ดเควสเดียวกันกับเราไหม เพราะถ้าโดนหยิบการ์ดเควสไปก่อน แผนที่วางไว้ก็อาจพังได้เลย

ตัวเกมอาร์ตค่อนข้างสวยครับ ทางน้องๆ บอกว่าใช้ AI เจน แล้วก็มาปรับนิดหน่อย ที่ผมชอบที่สุดน่าจะเป็นส่วนของตัวละครสำหรับใช้หยิบเดินไปมา ทางน้องๆ ทำเป็นสแตนดี้แบบอะคริลิคใส ดูดีและน่ารักมาก เกมไม่หนักนัก ด้วยอาร์ตอาจมองเป็นเรตแฟมิลี่ได้เลย แต่ก็มีส่วนที่ต้องคิดและคำนวณอยู่เหมือนกัน นอกจากนี้ยังมีโมดูลเสริมที่น้องๆ คิดและเตรียมไว้อีกด้วย ก็อยากให้ไปลองเล่นกันดูครับ

BABEL

เกมที่สองที่ผมได้เล่นใน’เกมงานนี้ เป็นของผู้ประกวดโครงการ EUREKA เหมือนกัน แต่เป็นเกมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในปีก่อน ตัวเกมที่มากางในงานยังถือว่าเป็นตัวเดโมอยู่ครับ

ในเกมเราต้องจั่วการ์ดจากกองกลาง ตัวการ์ดจะบอกว่าเราต้องทำอะไรบ้างในตานั้น เช่นต่อตัวคิวบ์ตามสีที่ระบุ ให้สูงขึ้นมากกว่าชั้นเดิม หรือต่อคิวบ์ให้มีส่วนหนึ่งยื่นออกจากตาราง ความมันส์มันอยู่ตรงที่ ถ้าเราต่อคิวบ์เกินความสูงที่กำหนดเราจะต้องจั่วการ์ดลงโทษ เช่นต้องยื่นแขนตลอดตอนวางคิวบ์ หรือต้องเอาคางวางกับโต๊ะตอนวางคิวบ์เสมอ ใครทำคิวบ์ตก จะต้องสะสมคิวบ์นั้นเอาไว้ ถ้าตัวคิวบ์มีมากกว่าที่ตัวเกมกำหนดก็จะแพ้ทันที !!

เห้ยยย เกมนี้เจ๋งมากนะ ผมมองว่ามันคือเกมปาร์ตี้ที่คุณสามารถเล่นคนเดียวก็ได้ เล่นกับเพื่อนโคตรเฮฮา เล่นกับครอบครัวก็สนุก เล่นกับแฟนก็ดี ตัวเกมแม้จะให้จั่วการ์ดแล้วทำผลของการ์ดเลยก็จริง แต่ผมก็มองเห็นความเป็นไปได้ที่เราจะปรับกฎให้มันมีวิธีเล่นที่ดูเป็นกลยุทธ์มากขึ้นได้เหมือนกัน เช่นใช้กฎของ UNO ที่ให้มีการ์ดบนมือได้ แล้วเลือกใช้การ์ดในแต่ละรอบตามที่คิดว่าได้เปรียบ อะไรแบบนั้น

นอกจากนี้ ตัวเกมยังสามารถปรับระดับความยากได้ผ่านบทลงโทษ ที่สามารถทำให้เกิดถี่ขึ้นได้อีกด้วย แถมยังมีการ์ดที่ใช้แกล้งกัน อย่างส่งบทลงโทษให้กัน หรือการ์ดสลับทิศเหมือนกับของ UNO ถือเป็นหนึ่งในเกมที่ผมเล็งว่ายังไงต้องซื้อให้ได้ในปีหน้านี้เลยครับ !!!

AOC

AOC หรือ Age of Champagne เกม KS ผสมแชมเปญแล้วส่งออกขาย ของร้าน ลานละเล่น เป็นเกมที่สามที่ผมได้ลองเล่นครับ ตัวเกมมาในแนวยูโรเกมสไตล์วางคนงาน (Worker Placement) ที่ค่อนข้างหนักกลางๆ (มั้ง) แบบถ้าคุณพึ่งเข้าวงการมา เจอคำอธิบายการเล่นในงานไป อาจมึนได้เหมือนกัน

แต่จากที่ผมเล่น ผมว่าตัวเกมสนุกดีครับ โดยตัวเกมจะเล่นทั้งหมด 10 รอบ แต่ละรอบเราจะต้องนำคนงานไปวางบนพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำ Action อาทิซื้อสถานที่ผลิตรีซอร์ส เพิ่มกำลังในการเก็บผลผลิต ขยายพื้นที่เก็บผลผลิต แปลรูปผลผลิตให้เป็นแชมเปญ ส่งแชมเปญไปขาย เพิ่มประสิทธิภาพแชมเปญ และแย่งพื้นที่การเล่นเป็นผู้เล่นคนแรก นอกจากนี้ตัวเกมยังมีเรื่องของสิ่งแวดล้อม พื้นที่ที่ทำให้เกิดผลทันทีในรูปแบบต่างๆ และการ์ดอีเวนท์ ที่ทำให้แต่ละรอบ เราต้องวางแผนการเล่นให้ดีที่สุด จบเกมใครมีแต้มเยอะกว่า (ขายแคมเปญได้เงินเยอะกว่า) ก็ชนะไปเลย

ตัวเกมที่ผมเล่น เดาว่ายังเป็นตัวเดโมอยู่ครับ ถามว่าสนุกไหมผมว่าผมชอบนะ แต่พอดีกลุ่มที่ผมเล่นด้วยเขาค่อนข้างจะมึนๆ อยู่เล็กน้อย + ตัวเกมค่อนข้างใช้เวลานานในการเล่นครับ ก็เลยเล่นไม่จบ แต่จากที่ดูผมว่าคอยูโรน่าจะชอบเพราะแม้มันจะดูมีอะไรเยอะไปหมด แต่เอาจริงๆ วิธีเล่นพอเข้าใจแล้วมันคลีนมาก มีลำดับขั้นตอนที่เข้าใจไม่ยากเลย แถมมีจุดที่ต้องเชือดเฉือนและรู้สึกแออัดในการแย่งพื้นที่อยู่ด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้เห็นเกมนี้ในประเทศไทยไหม คงต้องรอลุ้นกัน แต่เกมสนุกมากจริงๆ ครับ

Cthulhu: Death May Die – Fear of the Unknown

เกมนี้เป็นเกมสุดท้ายที่ผมได้ลองเล่นในงานครับ ซึ่งโดยส่วนตัวมันเป็นซีรีส์ที่ผมตามเก็บอยู่แล้ว ก็เลยอยากรู้ว่าภาคใหม่มันให้อารมณ์ที่ต่างไปจากเดิมไหม น่าเสียดายช่วงที่ผมทดสอบตัวเกม บนเวทีเขาจัดกิจกรรมกันพอดี มันก็เลยวุ่นๆ ผมก็เลยไม่ได้ซึมซับเรื่องระบบใหม่ๆ หรือความเก่งกาจของมอนสเตอร์ตัวใหม่ๆ ในเกมมากนักครับ แถมด่านที่เอามากาง ผมว่ามันไม่ได้ยากนัก โดยรวมจากที่ได้ลองเล่นแค่ด่านเดียวแบบวุ่นๆ ตัวเกมก็ยังคงเป็น Death May Die แบบที่ผมรู้จักอยู่ครับ (5555+)

Categories List
Latest Posts