เกร็ดเกมน่ารู้ – Revive #7 :
“เกมที่พูดได้ไม่เต็มปากว่ามันบาลานซ์ดีแล้ว”

บทความนี้เป็นตอนสุดท้ายแล้วของเกม Revive แต่ถ้ามีข้อมูลหรือประเด็นที่น่าสนใจอื่นๆ อีก ผมสัญญาว่าจะหยิบมาเขียนให้อ่านกันอย่างแน่นอน

สำหรับตอนสุดท้ายจะเป็นเรื่อง “การปรับบาลานซ์” ของตัวเกมครับ ซึ่งผมมองว่าเป็นตอนที่ดีมากๆ โดยเฉพาะกับใครก็ตามที่กำลังออกแบบเกมอยู่ ในตอนนี้ คุณจะได้เห็นถึงมุมมองในการปรับสมดุลตัวเกมที่น่าคิด โดยเฉพาะกับเกมเกมนี้ที่มีเผ่าให้เล่นแตกต่างกันถึง 6 เผ่า และแต่ละเผ่าก็มีความสามารถที่โดดเด่นไม่เหมือนกันเลย

การปรับสมดุลที่เรียบง่าย

ตัวเกมใช้เวลาปรับสมดุลไปทั้งหมด 1 ปีเต็มๆ หลังจากที่ตัวเกมได้ออกแบบระบบมาได้ตรงใจตัวนักพัฒนาแล้ว ซึ่งกินเวลาไปถึง 3 ปีด้วยกัน

การปรับบาลานซ์ในตัวเกมนั้นค่อนข้างเรียบง่ายมากๆ ครับ คุณแค่เล่นทดสอบตัวเกมหลายร้อยครั้ง และตรวจสอบทุกเหตุการณ์ที่สัมพันธ์กับทุกตัวแปร ดูว่าอันไหนแรงไป เบาไปตามสัญชาตญาณที่รู้สึก แล้วปรับมันแค่นั้นเลย

อย่างไรก็ตาม เกมนี้เป็นเกมที่มีปัจจัยมากมายที่ส่งผลต่อสมดุลของตัวเกม ไม่ว่าจะเรื่องของการตั้งค่าก่อนเล่น เงื่อนไขการได้คะแนนต่างๆ ไปจนถึงลำดับการเล่นของผู้เล่น โดยจากตรงนี้ไปผมจะเขียนเล่าเป็นเคสๆ และวิธีแก้ปัญหาที่ทางนักออกแบบทั้ง 3 คนเขาเลือกใช้กันนะครับ จะได้อ่านได้ง่ายขึ้น

เคสที่ 1 : ปัญหาเรื่องการจบเกม

เกมนี้เป็นเกมแนวแข่งขันที่จะให้เราได้แย่งชิงสิ่งประดิษฐ์ให้ได้มากที่สุด ลำดับการเล่นจึงเป็นปัญหาในเรื่องนี้มากๆ ทางนักออกแบบจึงเลือกให้ผู้เล่นที่ได้สิ่งประดิษฐ์ชิ้นสุดท้ายไป ถือเป็นการประกาศรอบจบเกม ซึ่งผู้เล่นที่ได้สิ่งประดิษฐ์ชิ้นสุดท้าย จะถือว่าจบเกมทันที ส่วนผู้เล่นคนอื่นๆ จะมีโอกาสได้เล่นอีกรอบหนึ่ง

ด้วยวิธีนี้ ผู้เล่นที่จบเกมจะได้รับรางวัลอย่างเหมาะสม ในขณะที่ผู้เล่นคนอื่นจะได้รับโอกาสสุดท้ายในการใช้ทรัพยากรของตนเองให้ได้เกิดผลประโยชน์สูงสุด ซึ่งทางนักออกแบบมองว่านี่เป็นวิธีจบที่รู้สึกดีที่สุดแล้ว

เคสที่ 2 : ปัญหาผู้เล่นมีจำนวนเทิร์นไม่เท่ากัน

ด้วยการจบเกมวิธีดังกล่าว หมายความว่าผู้เล่นแต่ละคนอาจจะมีจำนวนรอบในการเล่นที่ไม่เท่ากัน คนที่ได้เล่นก่อนจะได้เปรียบมากกว่า ทางผู้ออกแบบจึงเลือกจะมอบทรัพยากรเริ่มต้นให้กับผู้เล่นที่เริ่มหลัง ให้มีมากกว่าผู้เล่นคนก่อนหน้า

โดยพวกเขาก็ไม่สามารถตอบได้ ว่าการทำแบบนี้มันช่วยชดเชยให้กับผู้เล่นที่เล่นทีหลังจริงรึเปล่า เขารู้แค่ว่ามันช่วยให้ผู้เล่นเหล่านั้นมีทางเลือกหรือการวางกลยุทธ์ในช่วงแรกได้มากขึ้นเท่านั้นเอง

สมดุลสามารถ “พัง” ได้ทุกเมื่อ…

ทั้ง 2 เคสนี้เกี่ยวข้องกันนะครับ นักออกแบบทั้ง 3 คนยืนยันว่าหลังจากเล่นและทดสอบตัวเกมมามากกว่า 100 ครั้ง พวกเขาไม่พบความได้เปรียบหรือเสียเปรียบในเรื่องนี้ แต่มองว่าคำตอบดังกล่าวจะพิสูจน์ได้อย่างแท้จริงผ่านข้อมูลทางสถิติมากกว่า

ซึ่ง 100 ครั้งมันไม่เจอ แต่เมื่อเกมปล่อยออกไป ตอนที่มันได้ถูกเล่นโดยผู้เล่นทั่วโลก ก็ไม่แน่ว่าอาจจะพบถึงความสัมพันธ์ของเรื่องนี้ก็ได้ และตอนนั้นสมดุลตัวเกมก็อาจจะสะบั้นลงทันที

“กล่าวง่ายๆ ว่าเกม ๆ นี้นั้นเป็นเกมที่มีตัวแปรมากมายเกินกว่าที่มนุษย์หรือตัวนักออกแบบจะพูดได้เต็มปากว่า นี่คือเกมที่สมดุลที่สุดแล้ว เพราะไม่แน่ว่า เมื่อมีใครที่เจอช่องทางพิเศษจนกลายเป็นเมต้าได้ บาลานซ์ที่ปรับมาทั้งหมด ก็จะไร้ค่าไปในทันทีนั่นเอง“

แหล่งที่มา boardgamegeek.com